แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ปัญหาจากนก แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ปัญหาจากนก แสดงบทความทั้งหมด

โรคและปัญหาด้านสุขภาพต่างๆที่มีนกเป็นต้นเหตุ



     เป็นที่ทราบกันดีว่านกเป็นสาเหตุของโรคต่างๆกว่า 60 ชนิด มีหลายชนิดที่อาจทำให้ถึงแก่ชีวิต หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที การรับเชื้อโรคเหล่านี้เกิดได้ง่ายมาก ไม่ว่าจากการหายใจรับเชื้อโรคเข้าไปโดยตรง จากการสำผัสเชื้อโรค จากการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อ อาจควบคุมการติดต่อได้ยากหากต้องทำงานในสถานที่ที่ไม่ได้รับการป้องกันเชื้อโรคจากนกเหล่านี้

     ตัวอย่างโรคร้ายแรงที่มีสาเหตุมาจากนกหลักๆประกอบด้วย

Histoplasmosis เกิดจากเชื้อราชื่อ ฮิสโตพลาสโมซีส แคปซูเลตัม (Histoplasmosis Capsulatum) ซึ่งเชื้อรานี้มักพบในที่ที่นกถ่ายมูลเอาไว้ มีลักษณะเป็นสปอร์เล็กๆ สามารถฟุ้งกระจายไปในอากาศ  และเข้าสู่ร่างกายทางลมหายใจ หลังจากเข้าสู่ปอดแล้ว เชื้อนี้จะแบ่งตัวทำให้เกิดก้อนในปอดและทำให้ปอดเป็นโพรงได้ ในกรณีที่ผู้ป่วยติดเชื้อนี้เฉียบพลันจะเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว

West Nile Virus สามารถแพร่กระจายและติดต่อมาสู่คนโดยมียุงเป็นพาหะนำโรค จากการที่ยุงไปกัดนกที่มีเชื้อชนิดนี้อยู่ในตัว โดยมีระยะเวลาฟักตัว 3-15 วัน การแสดงอาการของการติดเชื้อไวรัส West Nile พบว่าผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มักไม่มีอาการแต่อย่างใด แต่อาจมีอาการ มีไข้ ปวดศรีษะ ปวดตามร่างกาย อาจมีผื่นแดงที่ผิวหนัง ต่อมน้ำเหลืองโต และผู้ป่วยบางราย อาจมีอาการรุนแรง ได้แก่เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (หรือมีไขสันหลังอักเสบ) หรือสมองอักเสบ ถ้ามีอาการขั้นรุนแรงดังกล่าวแล้ว ผู้ป่วยมักจะมีอาการปวดศรีษะ ไข้สูง คอแข็ง มีอาการมือสั่น ชัก กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นอัมพาต ซึมลง สับสน หมดสติจนกระทั่งอาจเสียชีวิตในที่สุด

Salmonellosis เป็นเชื้อที่พบได้ทั่วไป ได้แก่ ในสัตว์ปีก สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม รวมทั้งมนุษย์สามารถก่อให้เกิดโรคได้ดีในผู้ที่มีความต้านทานต่ำ หรือได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกายเป็นจำนวนมาก สาเหตุทั่วไปของการติดเชื้อ เกิดจากการรับประทานอาหารหรือน้ำที่มีเชื้อปะปนเข้าไป ระยะฟักตัวนาน 12-36 ชั่วโมง อาการที่พบได้คือ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องร่วง เป็นไข้ ระยะเวลาที่เป็นอาจเป็นนาน 1 - 8 วัน

Candidiasis เกิดจากยีสต์หรือสปอร์ของเห็ด ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อราในบริเวณต่างๆ เช่นบริเวณผิวหนัง,ในช่องปาก,หรือในระบบทางเดินหายใจ มีอาการคันในบริเวณที่ติดเชื้อ มีอาการแผลแห้ง หรือบางครั้งอาจเป็นเมือก แผลอาจมีสีขาวหรือสีเหลือง โดยมีนกพิราบเป็นสาเหตุ

Cryptococcus เป็นเชื้อราที่พบมากในดินและมูลนก สามารถรับเชื้อได้จากการหายใจ โดยอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบเป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด ผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะ มีไข้ ปวดตามตัว อ่อนเพลีย คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ซึมลง อาจจะมีอาการชัก ในรายที่เป็นมากอาจจะมีอาการปอดบวม และเชื้ออาจจะลุกลามไปอวัยวะอื่น เช่นปอด ผิวหนัง อาจจะมีต่อมน้ำเหลืองโต อาจจะมีผื่นที่ผิวหนัง และอาจเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนได้


Encephalitis หรือโรคสมองอักเสบ การอักเสบอาจจะเกิดทั้งสมองหรือบางส่วนของเนื้อสมอง สาเหตุของสมองอักเสบมักจะเกิดจากไวรัสเช่น เริม คางทูม หัดเยอรมัน ไข้สุกใส นอกจากนั้นยังเกิดจากยุงหรือไรกัดเช่น Japanese encephalitis แต่ชนิดที่มีนกเป็นสาเหตุคือ St. Louis Encephalitis โดยผู้ป่วยมักมีอาการ ซึม ไม่ค่อยรู้สึกตัว สับสนไม่รู้วันหรือกลางคืน จำคนไม่ได้ ชัก ไข้สูง ปวดศีรษะมาก คลื่นไส้อาเจียน มือสั่น คอแข็ง หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา อาจก่อให้เกิดสมองเป็นฝีและเสียชีวิตในที่สุด

Bird flu โรคไข้หวัดนกหรือโรคไข้หวัดใหญ่สัตว์ปีก (Avian Influenza) เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ (Avian Influenza  Type A) แบ่งออกได้เป็นไข้หวัดนกชนิดรุนแรง  และชนิดไม่รุนแรง สายพันธุ์ที่มักจะทำให้เกิดโรคในนกและมีความรุนแรงได้แก่ สายพันธุ์ H5 และ H7 ซึ่งเชื้อนี้สามารถแพร่ระบาดกันได้ในหมู่สัตว์ปีกทุกชนิด มีระยะการฟักตัวเฉลี่ย 3 - 5 วัน แต่ไม่เกิน 7 วัน หากเชื้อโรคติดต่อสู่คนจะมีระยะฟักตัวประมาณ 1-3 วัน ในรายที่ติดเชื้อ จะมีการไข้สูงมากกว่า 38 องศา หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามข้อ ไอแห้ง ตาแดง มักพบอาการปวดบวมในผู้ป่วยทุกคน ขณะที่ผู้ที่มีโรคประจำตัวอาจมีอาการรุนแรง หายใจลำบาก หอบ และอาจมีอาการระบบหายใจล้มเหลวอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเสียชีวิตได้ ส่วนมากมีระยะเวลาป่วย 5-13 วัน และหากติดเชื้อไข้หวัดนกแล้วมีโอกาสเสียชีวิตถึงร้อยละ 70-80 ส่วนมากจะเสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลวในวันที่ 9-10 หลังมีอาการป่วย

     อย่างไรก็ดีนอกจากนกจะเป็นสาเหตุหลักๆของโรคร้ายแรงดังกล่าวแล้ว ยังเป็นที่อยู่อาศัยของพยาธิภายนอก กว่า 50 ชนิด และนี่คือตัวอย่างของพยาธิภายนอกเหล่านี้

Bed bugs ตัวเรือด โดยผู้ที่ถูกกัดจะมีอาการคัน มีผื่นแดงขึ้นในบริเวณที่โดนกัด และเกิดการอักเสบหากไม่ได้รับการรักษา

Bird mites, Chicken mites ไรชนิดนี้จะพบมากในบริเวณที่มีการสะสมของรังนก มูลนก โดนไรชนิดมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา อาการของผู้โดนกัดจะเป็นตุ่มแดงเล็กๆ มีอาการแสบร้อน คันรอบๆบริเวณที่โดนกัด แต่มีวงจรชีวิตไม่นานนักถ้าไม่มี host ให้อาศัย

     โรคและปัญหาต่างๆเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น หากเรามีการป้องกันที่ดี มีการทำความสะอาดที่อยู่อาศัยอย่างสม่ำเสมอ และมีการป้องกันพาหะนำโรคอย่างถูกต้อง สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องการป้องกันนกอย่างถูกวิธี ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับคำแนะนำในการป้องกันอย่างถูกวิธีครับ

สนใจติดต่อ-สอบถามการติดตั้งตาข่ายกันนก

คุณสมบัติ อนุพันธ์
081-8421238


สาระน่ารู้เรื่องอื่นๆ

แค่นก ทำไมต้องป้องกัน?
โพลีเอทิลีน (Polyethylene, PE) คืออะไร?
คำแนะนำในการเลือกซื้อตาข่าย
การซ่อมตาข่ายเบื้องต้น ด้วยตัวเอง
อะไรคือ ตาข่ายนิรภัย(safety net)?
นกพิราบ : ปัญหาและแนวทางแก้ไข
Bird Netting
ตาข่ายซ้อมไดร์ฟกอล์ฟ

แค่นก ทำไมต้องป้องกัน?

(ภาพจาก  http://birdcontrolblog.com)

หลายๆคนมีคำถามมากมาย จะยอมจ่ายดีมั๊ย ยอมลงทุนดีมั๊ย "แค่นก ทำไมต้องป้องกัน?"

1.ปัญหาด้านสุขภาพ


นกเป็นต้นเหตุของความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพมากมาย จากความสกปรกของมูลนกและจากวัสดุที่ทำรัง เป็นพาหะในการแพร่กระจายโรคเช่น Histoplasmosis,  Salmonella,  Toxoplasmosis,โรคไข้สมองอักเสบเยื่อหุ้มสมองอักเสบโรคกระดูกอ่อน, ไข้รากสาดเทียมและอื่น ๆ

โรคที่นกพิราบและนกอื่น ๆ เป็นปัญหาในการแพร่กระจายมักจะอยู่บนเชื้อราและปรสิตอื่น ๆ เช่นเห็บหมัดและในวัสดุที่นกนำมาใช้ทำรัง มีแบคทีเรียและเชื้อราหลายชนิดที่เป็นอันตรายกับมนุษย์อาศัยอยู่ในมูลนกด้วยเช่นกัน(*จะกล่าวถึงในภายหลัง)

การสะสมของมูลนกและรังนกภายในอาคาร เป็นปัจจัยสำคัญในการก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพมากมาย

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพแบบชัดๆ
เช่นในกรณีของอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ที่ใช้ช่องแอร์และช่องระบายอากาศร่วมกัน หากมีนกไปทำรังและใช้บริเวณนั้นเป็นที่ถ่ายมูล จะมีเชื้อราและแบคทีเรียมากมาย

แบคทีเรียและเชื้อราเหล่านี้มีน้ำหนักเบามาก สามารถแพร่กระจายไปได้ไกลหลายร้อยเมตร หรือ อาจไปได้ถึงหลายกิโลเมตร จึงสามารถแพร่กระจายไปตาม ช่องแอร์หรือช่องระบายอากาศของทั้งระบบ

ทำให้คนที่ห้องทำงานอยู่ชั้น1 ก็มีสิทธิ์ได้รับเชื้อโรคไม่ต่างกับคนที่ห้องทำงานอยู่ชั้น10!!

2.ปัญหาด้านความเสียหาย


มูลนกมีค่าความเป็นกรดสูง สามารถทำความเสียหายให้พื้นผิวได้มากมาย สร้างรอยรั่วให้หลังคา(อ่านไม่ผิดหรอกครับ! รอยรั่วจริงๆ เพราะความเป็นกรดที่สูง หากไม่ได้รับการทำความสะอาด และปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานาน) ความเสียหายของสีรถยนต์ และ พื้นผิวที่มีสีต่างๆ อีกทั้งมูลนกยังมีความสามารถในการกัดกร่อนสายไฟ และเครื่องจักรอุตสาหกรรมอื่นๆ

สามารถทำให้เครื่องจักรอุตสหกรรมที่ต้องการการดูแลรักษาอย่างดี เกิดการอุดตัน ขัดข้อง จนถึงกระทั่งเสียหายได้

และหากมูลนกมีปริมาณมาก และไปอยู่ในรางระบายน้ำของโรงงานได้เมื่อไหร่ ก็จะก่อให้เกิดการอุดตัน และรั่วไหลของน้ำออกไปในบริเวณใกล้เคียง หลายครั้งที่สามารถทำให้เกิดการหลุดของรางระบายน้ำและเกิดการยุบของโครงหลังคา

และหากเป็นนกขนาดเล็ก เช่นนกกระจอก ซึ่งมักไปอาศัยทำรังในป้ายหรือในเครื่องจักร เพราะอุปกรณ์เหล่านี้ มักมีสายไฟ และมีความร้อน และวัสดุที่ใช้ทำรัง เช่น กิ่งไม้แห้ง ผ้า กระดาษ ถุงพลาสติก เป็นต้นที่นกนำมาใช้ทำรัง จะเป็นเชื้อไฟอย่างดี โดยที่เหตุไฟไหม้หลายๆครั้ง ไม่ได้มีสาเหตุมาจากไฟฟ้าลัดวงจร หากแต่มาจากรังนกเหล่านี้!!

ท่อระบายอากาศในโรงงานอุตสาหกรรมก็เป็นที่พักอาศัยชั้นดีของนกเช่นกัน เช่น นกพิราบ นกนางแอ่น นกเหล่านี้ชอบไอความร้อนของการระบายอากาศ ทำให้การระบายอากาศของโรงงานไม่ดีเท่าที่ควร อีกทั้งเชื้อโรคต่างๆ จะแพร่กระจายไปในอากาศได้อย่างเร็วอีกด้วย


ยังมีปัญหาที่นกเป็นต้นเหตุอีกมากมาย หากคุณหรือคนที่คุณรู้จักยังสงสัยว่า "แค่นกเอง ทำไมต้องป้องกัน" อยากให้แชร์บทความนี้ให้ได้อ่านกันทุกคน

และถ้าสงสัยว่า"แล้วจะป้องกันอย่างไร?"

ติดต่อ-สอบถาม

คุณสมบัติ อนุพันธ์
081-8421238
line : SombatNet
facebook page : https://www.facebook.com/sombatnet

SombatNetได้การรับรองคะแนนมาตรฐานสูงสุดในกลุ่มเวปธุรกิจจาก feedage

รูปภาพและเนื้อหาทั้งหมดในเวปนี้ใช้ลิขสิทธิ Creativecommons 3.0